สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เป็นไปได้ จากที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่มีฐานเสียงในภาคใต้ได้ออก กฎหมายการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม มาตั้งต่ปี 2540
จริง ๆ ต้องบอกเลยว่ายุคนี้เป็นยุคที่กฎหมายเกี่ยวกับอิสลามออกมาเฟื่องฟูมากที่สุด เป็นการเปิดประตูเมืองสู่การเป็นรัฐอิสลามของไทยก็เกิดขึ้นในรัฐบาลยุคนี้แหละ
ตามกฎหมายฉบับนี้ อิสลามก็เร่งสร้างมัสยิด ไปให้ครบทุกจังหวัด จากนั้นเพียงแค่มีมัสยิด 3 แห่ง ก็สามารถตั้งคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดได้แล้วคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดสามารถไปประชุมกำหนดนโยบายระดับจังหวัด กับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส่วนราชการ ต่าง ๆ ได้
สิ่ง ที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพยายามผลักดัน คือกฎหมายชาริอะห์ ที่ค่อย ๆ แทรกซึม เข้าไปในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่ไม่นับถือศาสนาอิสลาม โดยองค์กรศาสนาอิสลามก็อ้างว่า ถ้าสภาพแวดล้อม มันไม่ "ฮาลาล" ไม่เป็นไปตามกฎหมายชาริอะห์ แล้วมุสลิมเขาอยู่ไม่ได้ (ถ้าไม่ยอมเดี๋ยวเหมือน ๓ จังหวัดภาคใต้นะ) หน่วยราชการไทยก็เชื่อแล้วก็โอ๋ เอาอกเอาใจ เข้าไป
เสียงอาซาน กลายเป็นเสียงที่จำเป็น สำหรับคนที่ไม่ใช่มุสลิม ต้องรับให้ได้ รัฐบาลไทยไม่กล้าห้าม เพราะอิสลามกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไปแล้ว
เห็นไหม ... ทุกวันนี้ ของกินของใช้ ที่คนไม่นับถือศาสนาอิสลาม ไปจ่ายเงินซื้อมากินมาใช้ ก็มีเครื่องหมาย ตราฮาลาล แทบทั้งนั้น โดยมุสลิมอ้างว่า ตลาดตราฮาลาลโลก นั้นใหญ่มาก ซึ่งมันเป็นเรื่องโกหก ไม่ต่างอะไรกับ "แก๊งตกทอง" ประชากรมุสลิมโลกเยอะจริง จะ 1,800 ล้าน หรือ 2,000 ล้าน ก็เยอะทั้งนั้น แต่ขอโทษตลาดส่งออกประเทศมุสลิมที่ต้องใช้ตราฮาลาลนั้นเล็กมากไม่ได้ใหญ่ตามจำนวนประชากรดังที่มุสลิม พยายามโฆษณาชวนเชื่อ ที่โฆษณาเน้นย้ำแล้วย้ำอีก ดังนั้น ที่ทำตราฮาลาล แล้วก็มาขายให้กาเฟรนี่แหละ เป็นหลัก
แล้วตราฮาลาล ก็เป็น "ภาระ" ซึ่ง "กาเฟร" ได้จ่ายเงินอุดหนุน องค์กรของศาสนาอิสลาม เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปสร้าง มัสยิด โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม มูลนิธิ หรืออะไรต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุน ศาสนาอิสลาม ให้มีอิทธิพล มากขึ้นไปเรื่อย ๆ
เมื่อ อิสลาม มีคนจำนวนที่มากพอแล้ว เขาก็ค่อย ๆ บีบคนไม่ใช่อิสลาม ให้กลายเป็นประชากรชั้นสอง เพื่อบีบให้เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ถ้าหรือผู้ปฎิเสธศรัทธา น้อยกว่า 30% นี่เริ่มทำสงครามกันแล้ว
อิสลาม สามารถใช้การก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว อิสลามเรียกสิ่งนี้ว่า "ญิฮาด" ซึ่งอิสลามสนับสนุนให้ทำ และเขาทำมาตั้งแต่ก่อตั้งศาสนาแล้วเรื่องสงครามกับกาเฟร นี่
จากนั้นก็เรียกร้องสิทธิไปเรื่อย ๆ ประกอบกับ ฝ่ายรัฐบาล และ พวกองค์กรสิทธิมนุษยชน บ้องตื้นทั้งหลาย ที่คิดว่า ถ้าทำตามความต้องการของอิสลามแล้ว การก่อการร้ายจะหมดไป ทำให้อิสลาม ยิ่งได้รับการโฮ๋ เอาอกเอาใจในประเทศไทย ขออะไรก็ได้หมด แทบไม่เคยกล้าขัดใจเลยเพราะกลัวก่อการ้าย ทำให้อิสลามกลายเป็นประชากรชั้นหนึ่ง ส่วนคนพุทธ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ ก็ค่อย ๆ ลดตัวเองลงเป็นประชากรชั้นสอง
จริง ๆ ต้องบอกเลยว่ายุคนี้เป็นยุคที่กฎหมายเกี่ยวกับอิสลามออกมาเฟื่องฟูมากที่สุด เป็นการเปิดประตูเมืองสู่การเป็นรัฐอิสลามของไทยก็เกิดขึ้นในรัฐบาลยุคนี้แหละ
ตามกฎหมายฉบับนี้ อิสลามก็เร่งสร้างมัสยิด ไปให้ครบทุกจังหวัด จากนั้นเพียงแค่มีมัสยิด 3 แห่ง ก็สามารถตั้งคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดได้แล้วคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดสามารถไปประชุมกำหนดนโยบายระดับจังหวัด กับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส่วนราชการ ต่าง ๆ ได้
สิ่ง ที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพยายามผลักดัน คือกฎหมายชาริอะห์ ที่ค่อย ๆ แทรกซึม เข้าไปในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่ไม่นับถือศาสนาอิสลาม โดยองค์กรศาสนาอิสลามก็อ้างว่า ถ้าสภาพแวดล้อม มันไม่ "ฮาลาล" ไม่เป็นไปตามกฎหมายชาริอะห์ แล้วมุสลิมเขาอยู่ไม่ได้ (ถ้าไม่ยอมเดี๋ยวเหมือน ๓ จังหวัดภาคใต้นะ) หน่วยราชการไทยก็เชื่อแล้วก็โอ๋ เอาอกเอาใจ เข้าไป
เสียงอาซาน กลายเป็นเสียงที่จำเป็น สำหรับคนที่ไม่ใช่มุสลิม ต้องรับให้ได้ รัฐบาลไทยไม่กล้าห้าม เพราะอิสลามกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนไปแล้ว
เห็นไหม ... ทุกวันนี้ ของกินของใช้ ที่คนไม่นับถือศาสนาอิสลาม ไปจ่ายเงินซื้อมากินมาใช้ ก็มีเครื่องหมาย ตราฮาลาล แทบทั้งนั้น โดยมุสลิมอ้างว่า ตลาดตราฮาลาลโลก นั้นใหญ่มาก ซึ่งมันเป็นเรื่องโกหก ไม่ต่างอะไรกับ "แก๊งตกทอง" ประชากรมุสลิมโลกเยอะจริง จะ 1,800 ล้าน หรือ 2,000 ล้าน ก็เยอะทั้งนั้น แต่ขอโทษตลาดส่งออกประเทศมุสลิมที่ต้องใช้ตราฮาลาลนั้นเล็กมากไม่ได้ใหญ่ตามจำนวนประชากรดังที่มุสลิม พยายามโฆษณาชวนเชื่อ ที่โฆษณาเน้นย้ำแล้วย้ำอีก ดังนั้น ที่ทำตราฮาลาล แล้วก็มาขายให้กาเฟรนี่แหละ เป็นหลัก
แล้วตราฮาลาล ก็เป็น "ภาระ" ซึ่ง "กาเฟร" ได้จ่ายเงินอุดหนุน องค์กรของศาสนาอิสลาม เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปสร้าง มัสยิด โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม มูลนิธิ หรืออะไรต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุน ศาสนาอิสลาม ให้มีอิทธิพล มากขึ้นไปเรื่อย ๆ
เมื่อ อิสลาม มีคนจำนวนที่มากพอแล้ว เขาก็ค่อย ๆ บีบคนไม่ใช่อิสลาม ให้กลายเป็นประชากรชั้นสอง เพื่อบีบให้เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ถ้าหรือผู้ปฎิเสธศรัทธา น้อยกว่า 30% นี่เริ่มทำสงครามกันแล้ว
อิสลาม สามารถใช้การก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว อิสลามเรียกสิ่งนี้ว่า "ญิฮาด" ซึ่งอิสลามสนับสนุนให้ทำ และเขาทำมาตั้งแต่ก่อตั้งศาสนาแล้วเรื่องสงครามกับกาเฟร นี่
จากนั้นก็เรียกร้องสิทธิไปเรื่อย ๆ ประกอบกับ ฝ่ายรัฐบาล และ พวกองค์กรสิทธิมนุษยชน บ้องตื้นทั้งหลาย ที่คิดว่า ถ้าทำตามความต้องการของอิสลามแล้ว การก่อการร้ายจะหมดไป ทำให้อิสลาม ยิ่งได้รับการโฮ๋ เอาอกเอาใจในประเทศไทย ขออะไรก็ได้หมด แทบไม่เคยกล้าขัดใจเลยเพราะกลัวก่อการ้าย ทำให้อิสลามกลายเป็นประชากรชั้นหนึ่ง ส่วนคนพุทธ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ ก็ค่อย ๆ ลดตัวเองลงเป็นประชากรชั้นสอง
ความคิดเห็นที่ 1
มีโอกาส อยู่ตราบใดที่ยังปล่อยให้เรียกร้องสิทธิต่างๆ แบบนี้ โดยการสร้างความขัดแย้งในระหว่างนิกาย กลุ่มต่างๆ ในศาสนาเดียวกัน และมอง ผู้นับถือศาสนาอื่นในไทย คือ กาเฟร เช่น กรณีบังโต การบอกว่าดูละครแล้วบาป อ.อามีน หรือ เช่น การเรียกร้อง เด็กคลุมฮิญาบ ใน รร อนุบาลปัตตานี (รร.วัด) หรือ กรณีปลดพิธีกรข่าวช่อง3 เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
ประเทศไทยมีโอกาสที่จะถูกศาสนาอิสลามกลืนกินจนกลายเป็นรัฐอิสลามมั้ยครับ
นอกจากนี้ จากการที่ผมศึกษาคำสอนของศาสนาอิสลามมาบ้าง ก็รู้สึกตกใจมากกับคำสอนหลายๆอย่างที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
ความโหดร้าย ความป่าเถื่อน รวมทั้งการแบ่งแยก และ ดูถูกคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามด้วย
สิ่งที่ผมกังวล คือการเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นรัฐอิสลาม
เพราะจากที่ผมรู้มานั้นคือ ศาสนาอิสลามมีแผนที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นรัฐอิสลามให้ได้
และสิ่งที่ผมสังเกตได้ในขณะนี้ คือมีคนมุสลิมได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในหลายๆจังหวัดมากขึ้น
และพยายามที่จะก่อตั้งมัสยิดในหลายๆแห่งให้ได้ อย่างเช่นในจังหวัดน่าน ชาวมุสลิมพยายามหลายครั้งมากที่จะสร้างมัสยิดในจังหวัดน่านให้ได้ ถึงแม้ว่าชาวจังหวัดน่านจะคัดค้านการสร้างมัสยิดมาตลอดก็ตาม
นอกจากนี้ ศาสนาอิสลามยังห้ามการคุมกำเนิดอีก ในอนาคตก็่น่าจะมีคนมุสลิมที่มาจากเกิดอีกมากมายเลย เมื่อเทียบกับคนที่นับถือพุทธ ที่มีอัตราการเกิดต่ำกว่า